Research
Discussion Paper
PIERspectives
aBRIDGEd
PIER Blog
Events
Conferences
Research Workshops
Policy Forums
Seminars
Exchanges
Research Briefs
Community
PIER Research Network
Visiting Fellows
Funding and Grants
About Us
Our Organization
Announcements
PIER Board
Staff
Work with Us
Contact Us
TH
EN
Research
Research
Discussion Paper
PIERspectives
aBRIDGEd
PIER Blog
Not Over the Hill: Exploring the Digital Divide among Vulnerable Older Adults in Thailand
Latest discussion Paper
Not Over the Hill: Exploring the Digital Divide among Vulnerable Older Adults in Thailand
ใครคือผู้กำหนดทิศทางค่าจ้างของแรงงานไทย: ภาครัฐ หรือภาคเอกชน?
Latest aBRIDGEd
ใครคือผู้กำหนดทิศทางค่าจ้างของแรงงานไทย: ภาครัฐ หรือภาคเอกชน?
Events
Events
Conferences
Research Workshops
Policy Forums
Seminars
Exchanges
Research Briefs
International Policy Forum on Climate Finance
Latest policy forum
International Policy Forum on Climate Finance
Joint NSD-PIER Applied Microeconomics Research Workshop
Latest workshop
Joint NSD-PIER Applied Microeconomics Research Workshop
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
Puey Ungphakorn
Institute for
Economic Research
Puey Ungphakorn Institute for Economic Research
Community
Community
PIER Research Network
Visiting Fellows
Funding and Grants
PIER Research Network
PIER Research Network
Funding & Grants
Funding & Grants
About Us
About Us
Our Organization
Announcements
PIER Board
Staff
Work with Us
Contact Us
Staff
Staff
Call for Papers: PIER Research Workshop 2025
Latest announcement
Call for Papers: PIER Research Workshop 2025
aBRIDGEdabridged
Making Research Accessible
QR code
Year
2025
2024
2023
2022
...
Topic
Development Economics
Macroeconomics
Financial Markets and Asset Pricing
Monetary Economics
...
/static/b29527462b86e61c1f9d6bc76d13738e/41624/KingChess.jpg
5 November 2021
20211636070400000

กอบกู้หรือกลโกง? การเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนทางอ้อมในตลาดสิงคโปร์และไทย

การเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนทางอ้อมมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ แม้ว่าจะเป็นทางออกให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
Pantisa Pavabutr
กอบกู้หรือกลโกง? การเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนทางอ้อมในตลาดสิงคโปร์และไทย
excerpt

ปัจจุบันมีความเชื่อว่าบริษัทที่เลือกจดทะเบียนทางอ้อมที่อาจเรียกว่า backdoor listing โดยวิธีการซื้อธุรกิจแบบย้อนกลับหรือ reverse takeover (RTO) คือบริษัทที่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงและมีคุณสมบัติเป็นบริษัทจดทะเบียนไม่ครบถ้วน จึงเข้าสวมสิทธิโดยการซื้อกิจการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่แล้ว จนมีผลให้เจ้าของกิจการหรือสินทรัพย์ที่ถูกซื้อนั้นเข้ามาเป็นผู้มีอำนาจควบคุมในบริษัท ดังนั้นการเข้าจดทะเบียนด้วยการทำ RTO มักจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตานักลงทุน และอาจส่งผลให้บริษัทนอกตลาดที่มีเจตนาเข้าฟื้นฟูบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลีกเลี่ยงการเข้าจดทะเบียนด้วยวิธีดังกล่าว นับว่าเป็นการเสียโอกาสสำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการแผนฟื้นฟูกิจการ บทความนี้มุ่งให้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับการเข้าจดทะเบียนด้วยวิธีดังกล่าวและนำเสนอผลการศึกษาการทำ RTO ที่มีต่อราคาหุ้นและผลการดำเนินงานภายหลังธุรกรรม โดยใช้กลุ่มตัวอย่างบริษัทในตลาดสิงคโปร์และไทยระหว่างปี ค.ศ. 2007–2015

การจดทะเบียนเข้าตลาดทางอ้อมง่ายจริงหรือ?

การจดทะเบียนเข้าตลาดทางอ้อมโดยการซื้อธุรกิจแบบย้อนกลับ หรือที่เรียกว่า reverse takeover (RTO) เป็นการที่บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์เข้ามาทำธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์กับบริษัทจดทะเบียนในตลาด อันส่งผลให้บริษัทที่อยู่นอกตลาดที่มักมีขนาดใหญ่กว่านั้นสามารถเข้ามาสวมสิทธิความเป็นบริษัทจดทะเบียนได้ ในกรณีของสิงคโปร์และไทย การซื้อธุรกิจแบบย้อนกลับถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการควบรวมกิจการระหว่าง 2 บริษัทในลักษณะที่มีการโอนสินทรัพย์จากบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียน โดยที่ผู้ซื้อคือบริษัทจดทะเบียนชำระการรับโอนสินทรัพย์ด้วยการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน (rights offering) ให้กลุ่มของบริษัทนอกตลาดเพื่อรับอำนาจควบคุม หรืออาจชำระสินทรัพย์ด้วยเงินสด หรือกู้เงินอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างประกอบกัน ดังแสดงในรูปที่ 1

ภาพที่ 1: กระบวนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย RTO

กระบวนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย RTO

การซื้อธุรกิจหรือรับโอนสินทรัพย์ดังกล่าวต้องเข้าเกณฑ์ลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • ขนาดของการได้มาซึ่งสินทรัพย์มีนัยสำคัญ (very substantial acquisition; VSA) ไม่ต่ำกว่า 100% เช่น สัดส่วนสินทรัพย์สุทธิของบริษัทที่ทำรายการต่อสินทรัพย์สุทธิของบริษัทจดทะเบียนเกิน 100%
  • เปลี่ยนแปลงอำนาจควบคุม
  • ผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนถือหุ้นไม่เกิน 50% ภายหลังการทำรายการ
ตารางที่ 1: ขั้นตอนการทำ IPO เทียบกับ RTO ในตลาดสิงคโปร์และไทย
IPORTO
ปรับโครงสร้างทุนและธุรกิจ และตรวจสอบคุณสมบัติของบริษัทว่าเป็นไปตามข้อกำหนดคุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียนและคู่ธุรกรรมที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์และการเจรจาราคาเพื่อทำหนังสือข้อตกลงจะซื้อขาย
ขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกกับสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมหนังสือชี้ชวน (prospectus) เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้นักลงทุนเตรียมเอกสารข้อมูลราคาแลกเปลี่ยนเพื่อขออนุมัติการทำธุรกรรมในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ยื่นขออนุญาตเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดรองกับตลาดหลักทรัพย์ยื่นขออนุญาตเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (re-listing application)
กำหนดราคาเพื่อเตรียมการขายและการเลือกผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ปรับโครงสร้างสินทรัพย์หรือทุนภายหลังการควบรวม
เสนอขายหลักทรัพย์จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งความสมบูรณ์ของการจัดสรรหุ้นใหม่
เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ในฐานะบริษัทใหม่ภายหลังการควบรวม
ที่มา: Rodyk and Davidson LLP, Singapore Exchange, and Stock Exchange of Thailand Listing Guides

จากตารางที่ 1 จะเห็นว่ากระบวนการ RTO นั้นมีความคล้ายคลึงกับ IPO แม้ว่าไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกกับสำนักงาน ก.ล.ต. แต่ก็ยังต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบเจรจาระหว่างคู่ธุรกรรม มีการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น และต้องยื่นขออนุญาตต่อตลาดหลักทรัพย์ให้รับหลักทรัพย์เข้าซื้อขายใหม่ถ้าภายหลังธุรกรรมมีการเปลี่ยนแปลงหมวดของธุรกิจและกรรมการบริษัท นอกจากนี้ คุณลักษณะของบริษัทที่ควบรวมกันนั้นต้องเข้าเกณฑ์เสมือนการจดทะเบียนทางตรงเช่นเดียวกับการจดทะเบียนโดยวิธี IPO

การจดทะเบียนเข้าตลาดทางอ้อมจึงไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยง่ายเพื่อหลบหลีกการเปิดเผยข้อมูลหรือเกิดจากการที่บริษัทที่เข้าสวมสิทธิควบคุมขาดคุณสมบัติ เนื่องจากการวางกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ของสิงคโปร์และไทยได้ป้องกันเหตุการณ์เหล่านั้นไว้ ซึ่งแตกต่างจาก RTO ในตลาดสหรัฐอเมริกาที่รับหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติต่ำกว่าบริษัทจดทะเบียนด้วย IPO แล้วซื้อขายนอกกระดานหลัก (Gleason et al., 2005)

ลักษณะของบริษัทที่ทำรายการ RTO ในสิงคโปร์และไทย

งานวิจัยได้รวบรายละเอียดของธุรกรรม RTO และข้อมูลการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) ในตลาดสิงคโปร์และไทยจำนวน 47 ธุรกรรม ระหว่างปี ค.ศ. 2007–2015 จากประกาศและเอกสารเวียนถึงผู้ถือหุ้นจากเว็บไซต์ SGX, SET, ก.ล.ต., รายงานที่ปรึกษาทางการเงิน และบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัทคู่สัญญา (Memorandum of Understanding) ที่เป็นข้อมูลสาธารณะ ดังแสดงในตารางที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนบนกระดานหลัก SGX และ SET 51% และกระดานรอง CAT และ MAI 49% ที่ทำการซื้อขายบริษัทที่มีขนาดเล็กและมีเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนที่ต่ำกว่ากระดานหลัก โดยเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญาในอุตสาหกรรมเดียวกัน 47% และข้ามอุตสาหกรรม 53% สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ประสบปัญหาทางการเงิน (distressed) ส่วนใหญ่จะเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นนัยว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัทมีเจตนาหาทางออกให้กับธุรกิจเดิม ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่ไม่ประสบปัญหาทางการเงิน (non-distressed) มองหาคู่สัญญาที่จะช่วยเสริมโครงสร้างธุรกิจเดิม

ข้อมูลกลุ่มตัวอย่างแสดงมูลค่าเฉลี่ยของธุรกรรมในตลาดสิงคโปร์เท่ากับ 279 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และ 2.7 พันล้านบาทในตลาดไทย สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ประสบปัญหาทางการเงินมีมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนต่อสินทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนเกิน 10 เท่าตัวในตลาดสิงคโปร์ และเกือบ 8 เท่าตัวในตลาดไทย แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้วบริษัทนอกตลาดมีมูลค่าสูงกว่า นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มตัวอย่างต่างประสบปัญหาในยอดขายและผลกำไรถดถอย แต่กลับได้รับข้อเสนอการแลกหุ้นในราคาพรีเมี่ยม ในส่วนท้ายของตารางที่ 2 แสดงวิธีการชำระเงิน โดยพบว่าธุรกรรมในสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นการแลกหุ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งสะท้อนว่าคู่ธุรกรรมทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับความเสี่ยงร่วมในผลของการรวมกิจการ (Hansen, 1987) ในขณะที่ในไทยมักใช้การผสมระหว่างการแลกหุ้น เงินสด และการออกวอร์แรนต์ ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนมีความไม่มั่นใจในมูลค่าภายหลังการควบรวม จึงเลือกการออกวอร์แรนต์หรือวิธีเพิ่มทุนในภายหลังเป็นการชะลอผล dilution effect โดยเปิดทางเลือกให้รอดูผลสำเร็จของการควบรวมก่อนการเพิ่มทุน (De La Bruslerie, 2013)

ตารางที่ 2: ลักษณะของบริษัทที่ทำรายการ RTO ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และไทย

ลักษณะของบริษัทที่ทำรายการ RTO ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และไทย

ที่มา: Pavabutr (2020)

ผลกระทบด้านราคาในระยะสั้น

การศึกษาพบว่าอัตราผลตอบแทนผิดปกติสะสมระยะสั้น (cumulative abnormal return: CAR) 20 วันหลังประกาศ MOU สูงขึ้น 28.5% ตามที่แสดงในรูปที่ 2 หมายความว่านักลงทุนมีความเชื่อว่าการประกาศ RTO เป็นการส่งสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะกลุ่มที่ประสบปัญหาทางการเงิน พบว่า CAR เพิ่มขึ้นถึง 43% หรือราว 4 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ประสบปัญหาทางการเงิน และกลุ่มที่ได้รับราคาเสนอซื้อสูง (high premium) มี CAR สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับราคาเสนอซื้อต่ำ (low premium) ราว 2 เท่า ส่วนขนาดของธุรกรรมไม่ได้มีผลกระทบต่อ CAR

รูปที่ 2: อัตราผลตอบแทนสะสมในระยะสั้นของ RTO

อัตราผลตอบแทนสะสมในระยะสั้นของ RTO

ที่มา: Pavabutr (2020)

ผลกระทบทางราคาระยะยาวและผลการดำเนินงานภายหลังธุรกรรม

เนื่องจากการทำ RTO เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างของบริษัทที่ถือได้ว่าเป็นการควบรวมบริษัท กระบวนการนี้ย่อมใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการวัดผลในระยะยาวทั้งในรูปของผลประกอบการและอัตราผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาว เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ในระยะสั้นเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความสามารถในการดำเนินงานและการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของบริษัทและอัตราผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวเพิ่มขึ้น ผลการศึกษาพบว่าอัตราผลตอบแทนของการซื้อและถือ (buy and hold return: BHR) ของกลุ่มทดลองที่เข้าทำธุรกรรม RTO สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบที่ไม่ได้ทำธุรกรรมโดยการสุ่มตัวอย่างบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดและระดับราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งแสดงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ 3 เดือน และ 6 เดือน แต่ความแตกต่างดังกล่าวหายไปภายในเดือนที่ 12 อย่างไรก็ตามเมื่อทำการศึกษาต่อพบว่า อัตรากำไรของผู้ถือหุ้น (return on equity) เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความแตกต่างของ BHR ระยะ 12 เดือนในกลุ่มตัวอย่าง และพบว่าธุรกรรมระหว่างบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงินและคู่สัญญาที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันสามารถสร้าง BHR ได้สูงกว่า

สุดท้ายผู้วิจัยได้วัดความแตกต่างของผลการดำเนินงานของบริษัทที่เข้าทำธุรกรรมภายหลังการควบรวมเสร็จสิ้น 2 ปี โดยนำเสนอผลอย่างย่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในปีที่ 2 กับปีแรก ดังแสดงในตารางที่ 3 พบว่าผลการดำเนินงานจากการเติบโตรายได้ มูลค่าบัญชีส่วนผู้ถือหุ้น และ กำไรสุทธิ ทั้งในกลุ่มที่ประสบและไม่ประสบปัญหาทางการเงินมีการพัฒนาที่ดีขึ้น โดยกลุ่มที่ประสบปัญหาทางการเงินมีสภาพคล่องดีขึ้นและมูลค่าตลาดของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีแรก

ตารางที่ 3: ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปีที่ 2 ภายหลังการควบรวม เทียบกับปีแรก

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปีที่ 2 ภายหลังการควบรวม เทียบกับปีแรก

ที่มา: Pavabutr (2020)

ข้อสรุปและนัยสำคัญเชิงนโยบาย

สื่อและงานวิจัยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนด้วยการทำ IPO แต่มีการอภิปรายน้อยมาก ว่าตลาดควรมีทางเลือกให้นักลงทุนอย่างไรเมื่อภายหลังการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้วบริษัทนั้นประสบปัญหาทางธุรกิจ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการจดทะเบียนเข้าตลาดทางอ้อมผ่านธุรกรรม RTO เป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้บริษัทนอกตลาดสามารถเข้าฟื้นฟูบริษัทจดทะเบียนที่ประสบปัญหา อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางส่วนยังมอง RTO ด้วยความไม่ไว้ใจ เนื่องจากข่าว RTO มักเกิดกับบริษัทขนาดเล็กที่ประสบผลขาดทุนและมีราคาซื้อขายต่ำ ดังนั้นเมื่อมีข่าวการควบรวมย่อมทำให้เกิดการปรับขึ้นของราคาอย่างมีนัยสำคัญ ซี่งหากไม่มีการควบคุมที่รัดกุมอาจเป็นช่องทางให้เกิดกระบวนการปั่นราคา จึงนำไปสู่คำถามว่าควรให้มี RTO อยู่หรือไม่ และควรปรับกฎเกณฑ์ที่มีอยู่เพื่อปกป้องนักลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่

ผลการศึกษาให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบาย ดังนี้

  • เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดกรองผู้เข้าจดทะเบียนทางอ้อมได้ทำหน้าที่เลือกบริษัทที่ไม่ได้ด้อยคุณภาพ และมีคุณลักษณะเทียบเคียงกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนทางตรง จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มความเข้มข้นของกฎเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนทางอ้อม งานวิจัยพบว่าในภาพรวมกระบวนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อมนั้นไม่ได้เป็นการทำลายมูลค่า แต่กลับมีผลประกอบการที่ดีขึ้นภายหลังธุรกรรม

  • การให้ข้อมูลแก่สื่อและบุคคลทั่วไปให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจดทะเบียนทางอ้อมเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเก็งกำไรที่ไร้เหตุผลและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ร่วมทำธุรกรรม โดยหากเกิดความเข้าใจผิด อาจส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนที่ต้องการฟื้นฟูกิจการหรือมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่องพยายามหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนทางอ้อม และเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด

เอกสารอ้างอิง

De La Bruslerie, H. 2013. “Crossing takeover premiums and mix of payment: an empirical test of contractual setting in M&A transactions.” Journal of Banking and Finance 37 (6): 2106–2123.

Gleason, K.C., Rosenthal, L., and Wiggins, R.A. 2005. “Backing into being public: An exploratory analysis of reverse takeovers.” Journal of Corporate Finance 12:54–79.

Hansen, R. 1987. “A theory of medium of exchange in mergers and acquisitions.” Journal of Business 60:75–96.

Pavabutr, P. 2020. “White Knights or Machiavellians? Understanding the motivation for reverse takeovers in Singapore and Thailand.” Review of Quantitative Finance and Accounting 55 (3): 983–1001.

Pantisa Pavabutr
Pantisa Pavabutr
Thammasat University
Topics: Financial Markets and Asset PricingCorporate Finance
Tags: backdoor listingsreverse takeoversasean equity markets
The views expressed in this workshop do not necessarily reflect the views of the Puey Ungphakorn Institute for Economic Research or the Bank of Thailand.

Puey Ungphakorn Institute for Economic Research

273 Samsen Rd, Phra Nakhon, Bangkok 10200

Phone: 0-2283-6066

Email: pier@bot.or.th

Terms of Service | Personal Data Privacy Policy

Copyright © 2025 by Puey Ungphakorn Institute for Economic Research.

Content on this site is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Unported license.

Creative Commons Attribution NonCommercial ShareAlike

Get PIER email updates

Facebook
YouTube
Email