ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ นำเสนอในหัวข้อ “Designing Debt Policies that Work: Insights from flexible debt relief and last-mile behavioral experiments” ในงานสัมมนา “ข้อมูลเครดิต พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2 ทศวรรษ”
ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนา “ข้อมูลเครดิต พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2 ทศวรรษ” จัดโดยบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 และนำเสนอหัวข้อ “Designing Debt Policies that Work: Insights from flexible debt relief and last-mile behavioral experiments”
การนำเสนอชี้ให้เห็นจากข้อมูลเครดิตบูโรในช่วงกว่า 16 ปีว่า คนไทยประสบปัญหาหนี้ในวงกว้างมากกว่าที่สะท้อนในตัวเลข NPL โดยมีลูกหนี้กว่า 38% ที่ยังไม่เป็น NPL แต่มีปัญหาหนี้เรื้อรังและชำระได้เพียงดอกเบี้ย และอีกกว่า 20% ที่แม้ยังชำระได้ แต่เริ่มมีภาระหนี้เกินศักยภาพแล้ว โดยลูกหนี้ที่มีปัญหาส่วนใหญ่กระจุกตัวในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทำให้ภาวะเศรษฐกิจและการเงินยิ่งเป็นปัจจัยฉุดรั้งสำคัญต่อความพยายามแก้หนี้ของลูกหนี้กลุ่มใหญ่ดังกล่าว
การประเมินประสิทธิผลของมาตรการแก้หนี้ในช่วงที่ผ่านมาโดยใช้ข้อมูล NCB พบว่า ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียและได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งในมาตรการ Troubled Debt Restructuring (TDR) และคลินิกแก้หนี้ มีสัดส่วนกว่า 40–50% ที่กลับมาเป็น NPL ซ้ำภายในไม่ถึงสองปี และสำหรับมาตรการ “จ่ายตรงคงทรัพย์” ภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย ซึ่งดำเนินการเพียงหกเดือนแรก ก็เริ่มพบสัญญาณค้างชำระในหลายสถาบันการเงิน สะท้อนว่ามาตรการแม้จะดึงลูกหนี้เข้าร่วมจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก
ดร.โสมรัศมิ์ ยังได้นำเสนอผลวิจัย ที่ทำการทดลองภาคสนามร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งทดสอบกลไกที่สถาบันการเงินสามารถนำมาใช้เสริมเพื่อช่วยให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้ พบว่า การสื่อสารเชิงรุกเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่กลไกที่ช่วยสร้างวินัยการชำระหนี้ตามศักยภาพของลูกหนี้ รวมถึงการเพิ่มความสะดวกในการชำระ เช่น การลงพื้นที่ของธนาคารเพื่อรับชำระใกล้บ้านเป็นประจำ สามารถเพิ่มความถี่ในการชำระได้หลายเท่า ควบคู่กันนั้น การออกแบบกลไกกระตุ้นการชำระหนี้ที่เหมาะสมกับบริบทของลูกหนี้ เช่น “ชำระดีมีโชค” ยังช่วยให้ลูกหนี้เกษตรกรสามารถชำระเงินต้นได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อสรุปสำคัญคือ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างมีประสิทธิภาพต้องดำเนินควบคู่ระหว่างการออกแบบนโยบายแก้หนี้ที่ตรงจุด และการเสริมกลไกกระตุ้นและสร้างวินัย ที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับข้อจำกัดของลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ที่เข้ามาตรการสามารถชำระหนี้ได้จริง ต่อเนื่อง และนำไปสู่ประสิทธิผลของมาตรการแก้หนี้ในที่สุด







