Research
Discussion Paper
PIERspectives
aBRIDGEd
PIER Blog
Events
Conferences
Research Workshops
Policy Forums
Seminars
Exchanges
Community
PIER Research Network
Visiting Fellows
Funding and Grants
About Us
Our Organization
Announcements
PIER Board
Staff
Work with Us
Contact Us
TH
EN
Research
Research
Discussion Paper
PIERspectives
aBRIDGEd
PIER Blog
Thailand and the Middle-Income Trap: An Analysis from the Global Value Chain Perspective
Discussion Paper ล่าสุด
Thailand and the Middle-Income Trap: An Analysis from the Global Value Chain Perspective
ค่าเงินบาทผันผวน: “ตัวปรับสมดุล” หรือ “ตัวป่วน” เศรษฐกิจไทย
aBRIDGEd ล่าสุด
ค่าเงินบาทผันผวน: “ตัวปรับสมดุล” หรือ “ตัวป่วน” เศรษฐกิจไทย
Events
Events
Conferences
Research Workshops
Policy Forums
Seminars
Exchanges
Confidence and College Applications: Evidence from a Randomized Intervention
งานสัมมนาล่าสุด
Confidence and College Applications: Evidence from a Randomized Intervention
The Impact of Climate Change on Thai Households
งานสัมมนาล่าสุด
The Impact of Climate Change on Thai Households
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ
ป๋วย อึ๊งภากรณ์
Puey Ungphakorn Institute for Economic Research
Community
Community
PIER Research Network
Visiting Fellows
Funding and Grants
PIER Research Network
PIER Research Network
Funding & Grants
Funding & Grants
About Us
About Us
Our Organization
Announcements
PIER Board
Staff
Work with Us
Contact Us
Staff
Staff
ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรไทย
ประกาศล่าสุด
ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรไทย
aBRIDGEdabridged
Making Research Accessible
QR code
Year
2023
2022
2021
2020
...
Topic
Development Economics
Macroeconomics
Financial Markets and Asset Pricing
Monetary Economics
...
/static/0bac98de53c781ea5898d5cda1c45fb8/e9a79/cover.png
20 กุมภาพันธ์ 2562
20191550620800000

ถอดบทเรียนสองทศวรรษ การสื่อสารของธนาคารแห่งประเทศไทย

วิเคราะห์การสื่อสารของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย Text Mining
ถอดบทเรียนสองทศวรรษ การสื่อสารของธนาคารแห่งประเทศไทย
excerpt

สองทศวรรษที่ผ่านมา การสื่อสารของธนาคารกลางทั่วโลกพลิกโฉมไปมาก การดำเนินนโยบายที่แต่เดิมเคยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความลับ (secrecy) ได้หันมาใช้แนวทางการสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าการสื่อสารเป็นเครื่องมือสำคัญของธนาคารกลาง ในช่วงเวลาดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้เปิดช่องทางการสื่อสารต่อสาธารณะมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งในแง่ของปริมาณและความหลากหลาย บทความนี้ทำการวิเคราะห์เนื้อหาสาระและประสิทธิภาพของการสื่อสารในช่องต่าง ๆ ของ ธปท. ที่ถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อถอดบทเรียนจากประสบการณ์การสื่อสารในอดีต และตอบโจทย์สำคัญที่ว่า ท่ามกลางบริบททางเศรษฐกิจและรูปแบบการสื่อสารเชิงสาธารณะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสื่อสารของ ธปท. ในอนาคตควรเป็นอย่างไร

หากมองย้อนไปในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจการเงิน จะเห็นได้ชัดว่าการสื่อสารต่อสาธารณชนเป็นมิติหนึ่งของการดำเนินนโยบายที่ธนาคารกลางพยายามที่จะค้นหาคำตอบมาโดยตลอด ในช่วงที่ธนาคารกลางหลายแห่งกำเนิดขึ้นในโลกเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว เชื่อกันตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าธนาคารกลางควรจะสื่อสารกับสาธารณชนให้น้อยที่สุดทั้งในเชิงของปริมาณ ความชัดเจนของเนื้อหาสาระ และความถี่ของการสื่อสาร เพื่อให้การดำเนินนโยบายเกิดประสิทธิผลสูงสุด ในอดีต Paul Volcker ประธานของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เลือกคำว่า mystique เป็นคำแนะนำคำเดียว (one-word advice) ที่ให้แก่ Mervyn King ขณะที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการของ Bank of England

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 การที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มหันมาใช้กรอบนโยบายการเงินโดยใช้อัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย (Inflation Targeting: IT) กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ธนาคารกลางต้องสื่อสารต่อสาธารณชนอย่างสม่ำเสมอถึงแนวโน้มการพยากรณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อตลอดจนเหตุผลที่ใช้ในการตัดสินอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สำหรับกรณีของประเทศไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับกระแสความคิดหลักในแวดวงธนาคารกลางทั่วโลก ในอดีต การสื่อสารมักกระทำผ่านการให้ข่าวตามแต่เหตุการณ์เป็นครั้ง ๆ ไป แต่หลังจากปี 2000 ซึ่งมีการปรับใช้กรอบ IT ธปท. ได้เปิดช่องทางการสื่อสารอย่างหลากหลาย ทั้งในรูปแบบที่แน่นอนและเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รายงานนโยบายการเงิน รายงานนโยบายสถาบันการเงิน และในรูปแบบอื่น ๆ เช่น สุนทรพจน์และการให้สัมภาษณ์สื่อของผู้บริหาร นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ธปท. ได้มีความพยายามสื่อสารผ่าน social media เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย

บทความนี้จะย้อนทบทวนการสื่อสารของ ธปท. ในห้วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ผ่านการประมวลผลเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมากที่เผยแพร่โดย ธปท. โดยอาศัยศาสตร์และเครื่องมือทางด้าน text mining เพื่อตอบคำถามที่ว่า ธปท. สื่อสารอะไรกับสาธารณะบ้าง ทั้งการสื่อสารทางตรงที่อยู่ในกรอบนโยบายการเงินและการสื่อสารในเรื่องอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังได้นำคลังข้อมูลข่าวเศรษฐกิจหลายแสนข่าวเข้ามาร่วมวิเคราะห์เพื่อดูว่า พื้นที่ในสื่อและความรับรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับ ธปท. เป็นอย่างไร

การสื่อสารภายใต้กรอบนโยบายการเงิน

กรอบ IT กำหนดให้ กนง. สื่อสารกับสาธารณชนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สาธารณชนทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และตัวแปรอื่น ๆ ที่ กนง. ใช้ในการตัดสินนโยบาย (Policy input) ตลอดจนน้ำหนักที่ กนง. ให้ข้อพิจารณาด้านต่าง ๆ (Policy reaction function) ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ จุดมุ่งหมายคือ หากสาธารณชนรับทราบข้อมูลนี้แล้ว จะทำให้สามารถใช้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจในการวางแผนตัดสินใจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถคาดการณ์ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของสาธารณชน (inflation expectation) อยู่ภายในกรอบเป้าหมาย

ในปัจจุบัน ช่องทางการสื่อสารหลักของ กนง. คือ แถลงข่าวนโยบายการเงิน หรือ Press Statement (PS) ซึ่งเผยแพร่ในวันเดียวกันกับการประชุม PS มีขนาดสั้นไม่เกิน 2 หน้ากระดาษและแสดงใจความหลักของการตัดสินนโยบายในครั้งนั้น ๆ Apaitan และ Tantasith (2019) ได้ใช้วิธีการ text mining ในการประมวลผล PS ที่มีอยู่ทั้งหมด (พ.ค. 2000 ถึง พ.ค. 2018) ในการแยกแยะหัวข้อต่าง ๆ ที่มีการกล่าวถึงใน PS และความเชื่อมโยงระหว่างหัวข้อเหล่านั้น โดยแสดงในรูปแบบของ network of topics ดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 network of topics ของ Press Statement

network of topics ของ Press Statement

ที่มา: Apaitan และ Tantasith (2019)

ในภาพรวม กล่าวได้ว่า การสื่อสารผ่าน PS นั้นก็คือการสื่อสารเกี่ยวกับ policy reaction function ของ กนง. นั่นเอง โดยให้น้ำหนักที่การร้อยเรียงเหตุผลที่ใช้ในการตัดสินนโยบายเป็นหลัก การตัดสินนโยบายเชื่อมโยงกับปัจจัยสองกลุ่ม ได้แก่ การเติบโต (สีเหลือง) ทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงต่อไปยังแนวโน้มเงินเฟ้อ สำหรับกลุ่มที่สองคือ เงินเฟ้อ (สีฟ้า) หรือการรายงานภาวะราคาสินค้าและการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมามักนำไปสู่การอธิบายปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอันเป็นข้อพิจารณาสำคัญของการตัดสินนโยบาย นอกจากนี้ PS ยังกล่าวถึงประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัด อัตราแลกเปลี่ยน และเสถียรภาพ (สีม่วง) แต่มักกล่าวถึงอย่างเป็นเอกเทศ ไม่ได้เชื่อมโยงกับการตัดสินนโยบายเท่าไรนัก

หากเราวิเคราะห์ PS ตามช่วงเวลาจะพบว่า น้ำหนักที่ กนง. ให้กับการสื่อสารในประเด็นต่าง ๆ (เมื่อวัดเป็นจำนวนคำ) จะมีสัดส่วนไม่คงที่ ดังเช่นแสดงในรูปที่ 2 โดยทั่วไป การตัดสินนโยบายครองพื้นที่ส่วนใหญ่ใน PS แต่ในบางช่วงหัวข้ออื่น ๆ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจนมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการตัดสินนโยบาย เช่น การเติบโต ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา หรือเศรษฐกิจต่างประเทศที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากระหว่างปี 2008 ถึง 2014 ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือในช่วง 2 ปีล่าสุดที่มีการกล่าวถึงเรื่องเงินเฟ้อลดลงและให้ความสำคัญกับอัตราแลกเปลี่ยนและเสถียรภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รูปที่ 2 สัดส่วนของหัวข้อต่าง ๆ ที่ปรากฏใน Press Statement

สัดส่วนของหัวข้อต่าง ๆ ที่ปรากฏใน Press Statement

ที่มา: Apaitan และ Tantasith (2019)

คำถามที่ตามมาก็คือ อะไรคือปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แน่นอนว่ามีปัจจัยแวดล้อมหลายประการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจของ กนง. และถูกถ่ายทอดออกมาดังที่ปรากฏใน PS การศึกษาของ Apaitan และ Tantasith (2019) ได้ใช้วิธีทางเศรษฐมิติเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ และการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระใน PS โดยแบ่งปัจจัยออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ปัจจัยที่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ (policy input) และ ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในการศึกษาได้วิเคราะห์ผลของการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของ กนง. และเลขานุการ ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของ policy reaction function ระดับของความชัดเจนในการสื่อสาร รวมถึงรูปแบบของการเขียนที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา เป็นต้น

ผลจากแบบจำลองทางเศรษฐมิติชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักในหัวข้อต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ทั้งกับปัจจัยเศรษฐกิจและองค์ประกอบของคณะกรรมการ การให้น้ำหนักของหลายหัวข้อมีความสอดคล้องกับตัวแปรทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ในช่วงที่เศรษฐกิจร้อนแรง การแถลงนโยบายจะให้น้ำหนักเรื่อง “การเติบโต” มากขึ้นและให้น้ำหนักเรื่อง “ชะลอตัว” ลดลง และยังทำให้น้ำหนักของหัวข้อ “ราคาสินค้า” เพิ่มขึ้น สะท้อนความกังวลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือช่องว่างการผลิตเป็นลบ กนง. จะลดน้ำหนักการสื่อสารเรื่อง “การเติบโต” และหันไปให้น้ำหนัก “ชะลอตัว” มากขึ้นแทน

ข้อค้นพบที่สำคัญอีกประการก็คือ องค์ประกอบของคณะกรรมการหรือเลขานุการส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักหัวข้ออย่างชัดเจนในบางช่วงเวลา หากเราแบ่งคณะกรรมการออกเป็น 11 ชุด ตามแต่ละช่วงเวลา (อาศัยเกณฑ์ว่า หากมีการเปลี่ยนกรรมการเกิน 3 ท่าน ให้ถือเป็นชุดใหม่) ตัวอย่างในรูปที่ 3 แสดงน้ำหนักในการสื่อสารเรื่อง “อัตราแลกเปลี่ยน” ของคณะกรรมการแต่ละชุดที่ปราศจากผลจากปัจจัยอื่น ๆ จะเห็นได้ว่า คณะกรรมการชุดสุดท้ายได้เพิ่มน้ำหนักของหัวข้อนี้มากกว่ากรรมการชุดก่อน ๆ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในการศึกษาพบว่า หลาย ๆ หัวข้อนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของคณะกรรมการอย่างชัดเจน การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้สร้างความท้าทายต่อการสื่อสาร เพราะผู้รับสารไม่อาจทราบสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักหัวข้อได้อย่างแน่ชัด ดังนั้น ในกรณีที่ตลาดตีความได้ไม่ตรงกับที่ กนง. ต้องการจะสื่อสาร ประสิทธิภาพของการสื่อสารอาจถูกลดทอนลงได้

รูปที่ 3 น้ำหนักในการสื่อสารเรื่อง “อัตราแลกเปลี่ยน” ของคณะกรรมการแต่ละชุด

น้ำหนักในการสื่อสารเรื่อง “อัตราแลกเปลี่ยน” ของคณะกรรมการแต่ละชุด

ที่มา: Apaitan และ Tantasith (2019)

ความสอดคล้องระหว่างการสื่อสารกับการตัดสินนโยบาย

นอกเหนือไปจากเนื้อหาสาระแล้ว คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการของการสื่อสารนโยบายคือ ความสอดคล้องกับการกระทำ (action) ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงการคาดการณ์ทิศทางการตัดสินนโยบายการเงินของตลาดการเงินได้อีกด้วย Apaitan และ Tantasith (2019) ได้ทดสอบความสอดคล้องของ PS กับผลการตัดสินนโยบายการเงิน โดยแปลง PS ให้อยู่ในรูปของตัวชี้วัด 3 ประการ ได้แก่

  1. น้ำหนักที่ให้กับหัวข้อต่าง ๆ
  2. โทน (tone) ของการสื่อสาร (วัดจากจำนวนถ้อยคำที่สื่อความในทางบวกหรือลบ) และ
  3. สัญญาณการขึ้นหรือลงของอัตราดอกเบี้ย (ดูจากประโยคที่สื่อถึงการดำเนินนโยบายในอนาคต)

แล้วใช้คุณลักษณะเหล่านั้นในการทำนายผลการประชุม ซึ่งหากผู้รับสารสามารถทำนายผลการประชุมได้โดยอาศัยเพียงข้อมูลที่ปรากฏใน PS โดยไม่ทราบข้อมูลอื่น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องของตัวสารและผลการตัดสินนโยบาย นอกจากนี้ เนื่องจาก ธปท. อาจสื่อสารเพิ่มเติมผ่านสื่อในระหว่างรอบการประชุม จึงสร้างตัวชี้วัดจากข่าวเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับ ธปท. ในช่วง 30 วันก่อนหน้าการประชุมเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวแปรในการพิจารณา

ตารางที่ 1 การทำนายผลการประชุม กนง.

การทำนายผลการประชุม กนง.

ที่มา: Apaitan และ Tantasith (2019)

เมื่อนำตัวชี้วัดดังกล่าวไปใช้ในแบบจำลองเศรษฐมิติเพื่อทำนายผลการประชุม จากตารางที่ 1 ซึ่งแสดงเปอร์เซ็นต์ของการทำนายได้ถูกต้อง สำหรับการทำนายผลของการประชุมในครั้งเดียวกันกับการแถลงข่าว (คอลัมน์ที่ 2) ในภาพรวมจะเห็นได้ว่า เมื่อค่อย ๆ เพิ่มตัวชี้วัดขึ้นทีละอย่าง อัตราการทำนายได้ถูกต้องจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ สะท้อนว่าข้อมูลที่แฝงอยู่ใน PS ในลักษณะต่าง ๆ รวมถึงการสื่อสารในสื่อหนังสือพิมพ์ต่างช่วยส่งเสริมให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจในการกระทำ (การตัดสินนโยบาย) ได้มากขึ้น และหากใช้ทุกองค์ประกอบรวมกัน โดยรวมแล้วจะสามารถทำนายผลได้กว่า 80% หรือหากนับเฉพาะครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย (ลดหรือขึ้นอัตราดอกเบี้ย) ก็ยังมีอัตราการทำนายที่ถูกต้องได้ราวครึ่งหนึ่ง สิ่งนี้สะท้อนว่าสารหรือข้อมูลที่สื่อผ่าน PS นั้นมีความสอดคล้องกับการตัดสินนโยบายในระดับสูง ในขณะเดียวกัน หากใช้แบบจำลองเพื่อคาดการณ์ทิศทางผลการประชุมล่วงหน้าโดยอาศัยข้อมูลจาก PS ฉบับปัจจุบัน (คอลัมน์ที่ 3) จะพบว่าอัตราการทำนายได้ถูกต้องยังใกล้เคียงและเป็นไปในทิศทางเดียวกับคอลัมน์ที่ 2 ซึ่งสะท้อนว่าข้อมูลใน PS และสื่อสามารถส่งสัญญาณหรือช่วยเรื่องการคาดการณ์ของตลาดได้ค่อนข้างดีเช่นกัน

ธปท. ในการรับรู้ของสาธารณชน

นอกเหนือไปจากการสื่อสารภายใต้กรอบ IT แล้ว ธปท. ยังมีการสื่อสารกับสังคมในวงกว้าง ซึ่งมีหัวข้อที่หลากหลายผ่านสุนทรพจน์และสื่อสิ่งพิมพ์ ถ้าพลิกอ่านข่าวเศรษฐกิจในหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือเลื่อนผ่าน news feed ใน facebook หรือ twitter มีโอกาสที่จะพบข่าวที่เกี่ยวกับ ธปท. อยู่เป็นระยะ ๆ ข่าวสารเหล่านี้มีที่มาทั้งจากที่ ธปท. เผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้วสื่อหรือนักวิเคราะห์นำไปเขียนเป็นข่าว หรือจากการสัมภาษณ์ของสื่อโดยตรง ข่าวสร้างการรับรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ ธปท. แนวทางการดำเนินนโยบาย วิสัยทัศน์ ตลอดจนทัศนคติที่สังคมมีต่อ ธปท.

สำหรับในช่องทางสุนทรพจน์ เนื้อหาของสุนทรพจน์สะท้อนสิ่งที่ ธปท. ต้องการจะสื่อสารกับสังคมในวงกว้าง แม้ว่าการกล่าวสุนทรพจน์จะจำกัดอยู่กับผู้ฟังจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ แต่ก็ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อในหลาย ๆ ครั้ง Apaitan และ Tantasith (2019) ได้รวบรวมสุนทรพจน์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่กล่าวโดยผู้ว่าการและรองผู้ว่าการระหว่างปี 2001 ถึง 2018 และใช้เทคนิค text mining เพื่อช่วยจัดหมวดหมู่หัวข้อของเอกสารทั้งหมด พบว่า ในสุนทรพจน์ภาษาไทย (รูปที่ 4) ธปท. ให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก รองลงมาคือเรื่องเศรษฐกิจ (“เศรษฐกิจไทย” และ “ภาคการผลิต”) และนโยบายเกี่ยวกับระบบการเงินและสถาบันการเงิน (เช่น “สถาบันการเงิน”, “กำกับสถาบันการเงิน”, “ระบบการชำระเงิน”, “บริการทางการเงิน”) ในส่วนของนโยบายการเงินซึ่งเป็นพันธกิจหลักของ ธปท. นั้นไม่ใช่หัวข้อหลักของสุนทรพจน์ ส่วนหนึ่งเพราะกรอบนโยบายการเงินมีช่องทางการสื่อสารเฉพาะในตัวอยู่แล้ว ประกอบกับทิศทางนโยบายการเงินอาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของคนในวงกว้างมากเท่ากับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยหรือบริการทางการเงิน นอกจากนี้ ธปท. ยังมีความพยายามที่จะสื่อสารเกี่ยวกับบทบาทของ ธปท. เอง และความท้าทายของภาคธุรกิจและครัวเรือนต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอีกด้วย ในภาพรวมอาจกล่าวได้ว่า ธปท. ใช้สุนทรพจน์ภาษาไทยเป็นช่องทางในการให้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจและข้อเสนอแนะแก่สังคม

รูปที่ 4 สัดส่วนหัวข้อของสุนทรพจน์ภาษาไทย

สัดส่วนหัวข้อของสุนทรพจน์ภาษาไทย

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย คำนวณโดยผู้วิจัย

ขณะเดียวกัน ธปท. ใช้สุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ (รูปที่ 5) เพื่อสื่อสารในฐานะนายธนาคารกลางของประเทศทั้งกับธนาคารกลางของประเทศอื่นและนักลงทุนต่างชาติ หัวข้อที่มีน้ำหนักมากที่สุดยังคงเป็นเรื่อง เศรษฐกิจไทย (“Thai Economy”) แต่หัวข้ออื่น ๆ ค่อนข้างแตกต่างจากที่กล่าวในสุนทรพจน์ภาษาไทย โดยสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจภูมิภาค นโยบายสถาบันการเงิน และระบบการเงิน นอกจากนี้ สุนทรพจน์ภาษาอังกฤษมักกล่าวในเวทีของผู้ดำเนินนโยบายระดับนานาชาติ เนื้อหาจึงเป็นการแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายและสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ จึงมักปรากฏหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เช่น เศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น

รูปที่ 5 สัดส่วนหัวข้อของสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ

สัดส่วนหัวข้อของสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย คำนวณโดยผู้วิจัย

ในฝั่งของสาธารณชน สังคมส่วนใหญ่รับรู้นโยบายของ ธปท. ผ่านข่าวหนังสือพิมพ์ (ซึ่งในปัจจุบันบางส่วนของบทความในหนังสือพิมพ์ก็ไปปรากฏที่สื่อ social media ด้วย) จากการรวบรวมข่าวเศรษฐกิจจากหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับครอบคลุมกว่า 10 ปี รวมบทความ 415,010 ชิ้น เมื่อใช้เทคนิค text mining ในการแบ่งหัวข้อของข่าวที่เกี่ยวกับ ธปท. พบว่าข่าว ธปท. สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม เรื่องหลัก ได้แก่ กลุ่มนโยบายการเงิน เช่น ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและตลาดการเงิน และกลุ่มนโยบายสถาบันการเงิน ซึ่งมักเป็นข่าวเกี่ยวกับบริการทางการเงินและสถาบันการเงิน และหลายครั้งที่เราพบว่า ธปท. ปรากฏในข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพันธกิจของ ธปท. โดยตรง คือกลุ่มข่าวที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐ เช่น การค้าระหว่างประเทศ งบประมาณ และอุตสาหกรรม เป็นต้น สะท้อนว่า แม้หัวข้อการสื่อสารของ ธปท. จะหลากหลาย แต่สื่อมักจะซึมซับเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการเงินได้มากที่สุด

หากมองในเชิง network ของหัวข้อข่าว รูปที่ 6 แสดงหัวข้อข่าวเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับ ธปท. (BOT) และองค์กรทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ (MOC) กระทรวงการคลัง (MOF) และตลาดหลักทรัพย์ (SET) ภาพ network สะท้อนว่า สาธารณชนเชื่อมโยง ธปท. เข้ากับบทบาทในภาคการเงินมากกว่าด้านอื่น โดยมีตำแหน่งใกล้เคียงกับตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่บางเรื่อง แม้จะมีความสำคัญในการสื่อสารของ ธปท. แต่สาธารณชนจะเชื่อมโยงกับองค์กรอื่นได้มากกว่า เช่น กระทรวงพาณิชย์กับเรื่องเงินเฟ้อ

รูปที่ 6 ตำแหน่งของ ธปท. ในพื้นที่ข่าว

ตำแหน่งของ ธปท. ในพื้นที่ข่าว

ที่มา: Apaitan และ Tantasith (2019)

กล่าวโดยสรุป การรับรู้ของสาธารณชนผ่านสื่อสิ่งพิมพ์กระแสหลักค่อนข้างสอดคล้องกับพันธกิจของ ธปท. แม้ว่าอาจจะยังไม่ครอบคลุมทุกเรื่องที่ ธปท. ต้องการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม บทบาทสำคัญบางอย่างของ ธปท. เช่น การดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย อาจยังไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควรในการรับรู้ของสาธารณชนโดยทั่วไป แม้จะเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายหลักของกรอบ IT ก็ตาม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการพัฒนาการสื่อสารนโยบายการเงินของ ธปท.

บทสรุปและแนวทางการสื่อสารในอนาคต

การสื่อสารของ ธปท. มีวิวัฒนาการมาตามลำดับตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในมิติของช่องทางการสื่อสารและเนื้อหาสาระ การสื่อสารของนโยบายการเงินมีความโปร่งใสมากขึ้นเป็นลำดับ สาระของการแถลงข่าวสามารถทำให้ผู้อ่านสกัดข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและนโยบายการเงินออกมาได้ และยังช่วยในการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตลาดอีกด้วย และจากการวิเคราะห์การสื่อสารในช่องทางอื่น ๆ และข่าวเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง พบว่า ธปท. สามารถส่งสารถึงประชาชนเกี่ยวกับพันธกิจหลักของ ธปท. รวมไปถึงบทบาทการเป็นผู้นำทางความคิดในด้านการพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างดี แต่ในภาพรวม ธปท. ยังมีช่องว่างระหว่างเรื่องที่เป็นพันธกิจหลักบางเรื่องกับการรับรู้ของสาธารณชน เช่น การดูแลเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเป็นความท้าทายของ ธปท. ในระยะข้างหน้า

มีประเด็นหลัก 3 ประการที่ควรต้องคำนึงถึงในอนาคต ได้แก่

  1. การหาสมดุลระหว่างบทบาทของธนาคารกลางที่เป็นพันธกิจหลัก คือการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจการเงิน และการเข้าไปมีบทบาทพัฒนาและมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น ธนาคารกลางสามารถเลือกที่จะสื่อสารเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับพันธกิจโดยตรง หรือสามารถสื่อสารเพื่อชี้นำกระแสทางความคิดของสังคมในประเด็นที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับพันธกิจโดยตรงแต่มีความสำคัญกับความกินดีอยู่ดีของประชาชนในส่วนรวม ทั้งนี้ แนวทางการสื่อสารควรจะต้องมีความสอดคล้องต่อเนื่อง เพื่อให้สาธารณชนสามารถคาดการณ์บทบาทและท่าทีของ ธปท. ได้ตามสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง
  2. ความโปร่งใสของการสื่อสารของนโยบายการเงินควรจะไปถึงจุดใด? ซึ่งในทางปฏิบัติมี trade off หลายประการที่ต้องพิจารณา เช่น การเปิดเผยรายละเอียดจากการประชุมมากขึ้นทำให้ความโปร่งใสมากขึ้น นำมาสู่ accountability ที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็อาจสร้างความสับสนในการตีความหรือเพิ่มโอกาสของการถูกแทรกแซงด้วยเช่นกัน
  3. ธนาคารกลางควรจะ engage กับผู้รับสารในวงกว้างมากน้อยเท่าใด และวิธีใดจึงมีประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางเนื้อหาที่หลากหลายและกลุ่มผู้รับสารที่กำลังขยายขอบเขต การวัดระดับความเข้าใจและระดับความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่เกิดขึ้นจากการสื่อสาร เช่น การทำ survey จะช่วยเพิ่มความเข้าใจและกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารได้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงมากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

Apaitan, T. and C. Tantasith (2019), “Central Bank Communication: Perspectives through Text Mining,” PIER Discussion Paper, forthcoming.

ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
Topics: Monetary EconomicsOthers
Tags: bank of thailandcommunicationtext mining
ทศพล อภัยทาน
ทศพล อภัยทาน
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์
ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

273 ถนนสามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

โทรศัพท์: 0-2283-6066

Email: pier@bot.or.th

เงื่อนไขการให้บริการ | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

เอกสารเผยแพร่ทุกชิ้นสงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Unported license

Creative Commons Attribution NonCommercial ShareAlike

รับจดหมายข่าว PIER

Facebook
YouTube
Email