สมอง vs กำลัง – แรงงานสองขั้ว อัตราผลตอบแทนของทักษะ และความไม่เท่าเทียมของค่าจ้าง
![สมอง vs กำลัง – แรงงานสองขั้ว อัตราผลตอบแทนของทักษะ และความไม่เท่าเทียมของค่าจ้าง](/static/87d6b20384c2a561538921c648b6aaad/68570/cover.png)
excerpt
บทความนี้นำเสนอการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงานของประเทศในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ผลของปรากฏการณ์ค่าจ้างสองขั้วและอัตราผลตอบแทนของทักษะแรงงานต่อความไม่เท่าเทียมของค่าจ้างในประเทศไทย จากการศึกษา ผู้วิจัยไม่พบปรากฏการณ์แรงงานสองขั้ว (ปรากฎการณ์ที่ความต้องการจ้างแรงงานทักษะสูงและแรงงานทักษะต่ำเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการจ้างแรงงานทักษะปานกลางลดลง) แต่พบปรากฏการณ์ค่าจ้างสองขั้วในตลาดแรงงานไทย (ค่าจ้างที่แท้จริงสำหรับแรงงานทักษะสูงและแรงงานทักษะต่ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง) นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังพบว่าอัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพที่แม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่มีอัตราการเติบโตต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมของค่าจ้างแรงงานในประเทศไทย
โครงสร้างการจ้างงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (technological advancement) และการจ้างงานภายนอกประเทศ (offshoring) ผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ตลาดแรงงานสองขั้ว (labor market polarization) ในประเทศที่พัฒนาแล้ว งานวิจัยของ David et al. (2006) และ Autor et al. (2008) เป็นงานวิจัยชิ้นแรก ๆ ที่พบปรากฏการณ์ค่าจ้างสองขั้ว (wage polarization) ในตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกา โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากความต้องการแรงงานทักษะปานกลางที่ลดลง จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีความโน้มเอียงไปยังการจ้างงานแรงงานทักษะสูง (skilled-biased technological change: SBTC) โดยปรากฏการณ์นี้ ยังพบในประเทศเยอรมนี (Spitz-Oener, 2006), สหราชอาณาจักร (Goos & Manning, 2007), ญี่ปุ่น (Ikenaga & Kambayashi, 2016) และ 16 ประเทศในยุโรปตะวันตก (Goos et al., 2009; Goos et al., 2014)
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วตามที่ได้กล่าวข้างต้นมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงาน กล่าวคือ มีการแทนที่แรงงานภายในประเทศด้วยแรงงานราคาถูกจากประเทศกำลังพัฒนา (Blinder & others, 2009; Jensen & Kletzer, 2010; Firpo et al., 2011) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบอัตโนมัติ (automation) ทำให้ความต้องการแรงงานทักษะสูงภายในประเทศเพิ่มขึ้น Buera et al. (2022) พบว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงานในลักษณะดังกล่าว ส่งผลทางบวกต่อราคาของทักษะ (skill prices) ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เน้นทักษะสูง จากการเพิ่มขึ้นของความต้องการจ้างงานแรงงานกลุ่มนี้ ซึ่งกลุ่มอาชีพที่มีความต้องการระดับทักษะของแรงงานที่แตกต่างกัน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก นอกเหนือจากระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานของแรงงานที่สามารถอธิบายความไม่เท่าเทียมของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วได้
งานวิจัยของผู้เขียนและ Ms. Lusi Liao ที่มีชื่อว่า “Brain over Brawn: Job Polarization, Structural Change, and Skill Prices” (Paweenawat et al., 2022) ได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างการจ้างงาน ปรากฏการณ์ตลาดแรงงานสองขั้วและอัตราผลตอบแทนของทักษะแรงงาน และความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยดังกล่าวกับแนวโน้มความไม่เท่าเทียมของค่าจ้างในประเทศไทย โดยพบข้อสรุปที่น่าสนใจ 2 ประการดังต่อไปนี้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจภาวะการทํางานของประชากร (Labor Force Survey หรือ LFS) ของสำนักงานสถิติแห่งชาติระหว่างปี 1985–2020 จากกลุ่มตัวอย่างแรงงานที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 60 ปี พบว่า ตลาดแรงงานไทยไม่มีปรากฏการณ์แรงงานสองขั้ว (job polarization) ซึ่งหมายถึงปรากฏการณ์ที่ความต้องการแรงงานทักษะสูงและแรงงานทักษะต่ำเพิ่มขึ้นขณะที่ความต้องการแรงงานทักษะปานกลางลดลง รูปที่ 1 แสดงการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการจ้างงานในแต่ละกลุ่มอาชีพ โดยแยกตามระดับทักษะที่กลุ่มอาชีพนั้น ๆ ต้องการ โดยพบว่าสัดส่วนการจ้างงานของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะต่ำ ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนปี 2000 และมีแนวโน้มคงที่ในระยะหลัง ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงของการจ้างงานในภาคเกษตร ขณะที่สัดส่วนการจ้างงานของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะปานกลางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนสัดส่วนการจ้างงานของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะสูงเพิ่มขึ้นในช่วงแรกเท่านั้นก่อนที่จะลดลงและมีแนวโน้มคงที่ในช่วง 10 ปีหลังสุด โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงานในภาคการผลิตของไทยนี้เป็นไปตามการปรับเปลี่ยนตามโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยนจากภาคเกษตรกรรมมาสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งพบว่าสัดส่วนการจ้างงานในภาคเกษตรลดลงถึงร้อยละ 31 ขณะที่การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม การค้าและบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงานของประเทศไทยในช่วงกว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา เป็นเพียงการย้ายจากการจ้างงานในภาคเกษตรที่ใช้แรงงานทักษะต่ำไปยังการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการที่ใช้แรงงานทักษะปานกลางและสูง ซึ่งแตกต่างจากปรากฏการณ์แรงงานสองขั้วที่พบในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการจ้างแรงงานทักษะสูงซึ่งทำงานประเภท non-routine tasks เช่น งานด้านการวิเคราะห์ และความต้องการจ้างแรงงานที่มีทักษะต่ำที่ทำงานประเภท non-routine manual tasks ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยเครื่องจักร (Acemoglu & Autor, 2011)
รูปที่ 2 แสดงค่าจ้างที่แท้จริง (real wage) รายชั่วโมงสำหรับแรงงานในสามกลุ่มอาชีพ โดยพบว่า แรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะสูงและทักษะต่ำได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะปานกลาง โดยในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา พบว่าค่าจ้างที่แท้จริงสำหรับแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะสูงและทักษะต่ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าจ้างที่แท้จริงของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะปานกลางมีแนวโน้มค่อนข้างคงที่และเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยภายหลังจากปี 2011 ซึ่งสถานการณ์นี้แสดงถึงปรากฏการณ์ค่าจ้างสองขั้ว (wage polarization) ที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานไทย สอดคล้องกับผลการศึกษาของ Lathapipat (2009) ที่พบปรากฏการณ์ค่าจ้างสองขั้วในประเทศไทยระหว่างปี 1987–2006 โดยเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีความโน้มเอียงไปยังการจ้างงานแรงงานทักษะสูง (SBTC) ทำให้ค่าจ้างของแรงงานทักษะสูงเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานทักษะต่ำนั้นเกิดจากการย้ายถิ่นฐานของแรงงานในชนบทไปสู่การทำงานในพื้นที่เขตเมือง ทั้งนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาทำให้เกิดการโยกย้ายแรงงานจากภาคเกษตรไปยังภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ โดยการถ่ายโอนแรงงานจากการเกษตรไปสู่อาชีพในเขตเมืองในแต่ละปีนั้น น่าจะมีจำนวนมากถึงหนึ่งล้านคนต่อปี และสามารถทำให้ระดับค่าจ้างที่แท้จริงต่อหัวเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า (Phongpaichit et al., 2008)
ปรากฏการณ์ค่าจ้างสองขั้วนี้สามารถอธิบายการเพิ่มขึ้นของความไม่เท่าเทียมของค่าจ้างในประเทศได้ เนื่องจากค่าจ้างของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะสูงและกลุ่มอาชีพทักษะต่ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าจ้างของแรงงานกลุ่มอาชีพทักษะปานกลางมีแนวโน้มคงที่ ทำให้ความแตกต่างของค่าจ้าง (wage gap) ของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะสูงและแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะปานกลางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะต่ำจะมีสัดส่วนการจ้างงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นกลุ่มแรงงานที่มีอัตราการเติบโตของค่าจ้างสูงที่สุดในช่วง 35 ปี ทำให้ความแตกต่างระหว่างค่าจ้างของแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะปานกลางและแรงงานในกลุ่มอาชีพทักษะต่ำลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน2
นอกเหนือจากปรากฏการณ์ตลาดแรงงานสองขั้วแล้ว Paweenawat et al. (2022) ยังได้ศึกษาราคาของทักษะแรงงาน (skill price) โดยวัดอัตราเฉลี่ยผลตอบแทนของทักษะทางปัญญา (return on brain) และอัตราเฉลี่ยผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพ (return on brawn) ด้วยการสร้างดัชนีทักษะทางปัญญาและดัชนีทักษะทางกายภาพ ตามงานวิจัยของ Autor et al. (2003) และ Rendall (2013) โดยการจับคู่อาชีพและอุตสาหกรรม แล้วนำมาจัดเรียงลำดับคู่อาชีพและอุตสาหกรรมตามทักษะทางปัญญาและทางกายภาพที่ต้องใช้ในงานนั้น ๆ
รูปที่ 3 แสดงผลการประมาณอัตราเฉลี่ยผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาและทักษะทางกายภาพ โดยพบว่า ทักษะทางปัญญามีอัตราผลตอบแทนเป็นบวก (positive return on brain) ซึ่งหมายความว่า แรงงานที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้ทักษะทางปัญญาสูงจะได้รับค่าแรงที่สูงกว่าแรงงานที่ประกอบอาชีพที่ใช้ทักษะทางปัญญาต่ำกว่า ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่าสามทศวรรษที่ทำการศึกษา ขณะที่อัตราผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพมีค่าเป็นลบ (penalty on brawn) ซึ่งหมายความว่า แรงงานที่ประกอบอาชีพที่จำเป็นต้องใช้ทักษะทางกายภาพสูงได้รับค่าแรงที่ต่ำกว่าแรงงานที่ประกอบอาชีพที่ใช้ทักษะทางกายภาพต่ำกว่า (อย่างไรก็ดี พบว่าอัตราผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพที่ติดลบในช่วงแรกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง)
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา อัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพ สะท้อนว่าตลาดแรงงานไทยมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะทางปัญญาในระดับที่สูงกว่าแรงงานที่มีทักษะทางกายภาพ จากผลการศึกษาพบว่าอัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าแรงงานในกลุ่มอาชีพที่ใช้ทักษะทางปัญญาสูงได้รับค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพนั้นมีอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญามาก ยิ่งทำให้ความแตกต่างของค่าจ้างระหว่างแรงงานในกลุ่มอาชีพที่ต้องการทักษะทางปัญญาและแรงงานในกลุ่มอาชีพที่ต้องการทักษะทางกายภาพ มีแนวโน้มสูงขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถอธิบายแนวโน้มความไม่เท่าเทียมทางค่าจ้างแรงงานในประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2000
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาแยกตามเพศ พบว่า แรงงานหญิงมีอัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาสูงกว่าแรงงานชาย แต่มีอัตราผลตอบแทนของทักษะทางกายภาพต่ำกว่าแรงงานชาย ซึ่งสะท้อนว่าการเปลี่ยนแปลงโครงการการจ้างงานจากการใช้ทักษะทางกายภาพมาใช้ทักษะทางปัญญานี้ให้ผลประโยชน์ต่อแรงงานหญิงมากกว่า ทั้งในด้านอัตราผลตอบแทนและการจับคู่อาชีพของแรงงาน และเมื่อแยกตามพื้นที่จะพบว่า อัตราผลตอบแทนของทักษะทางปัญญาของแรงงานในพื้นที่เขตเมืองมีค่าสูงกว่าเขตชนบท ซึ่งสะท้อนความต้องการแรงงานที่มีทักษะสูงในพื้นที่เขตเมือง
ความไม่เท่าเทียมกันของค่าจ้างนี้สามารถอธิบายได้จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้ประเทศมีความต้องการแรงงานทักษะสูงในจำนวนที่มากขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ดี แม้ว่าระดับการศึกษาเฉลี่ยของแรงงานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนแรงงานทักษะสูงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดแรงงาน ส่งผลให้ความแตกต่างของค่าจ้างระหว่างกลุ่มแรงงานยังอยู่ในระดับสูง คำถามสำคัญจึงตามมาว่า ลำพังแต่ระดับการศึกษาที่เพิ่มขึ้น อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานหรือไม่? Rendall (2013) เสนอว่า นโยบายการศึกษาของภาครัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” ของการศึกษามากขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานที่สามารถประกอบอาชีพที่ใช้ทักษะทางปัญญาสูงให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยระดับการการศึกษาเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอต่อการผลิตแรงงานที่มีทักษะทางปัญญาสูง มีคุณภาพตามที่ตลาดแรงงานต้องการ นอกจากนี้ ภาครัฐควรเน้นการพัฒนาทักษะของแรงงานที่ทำงานอยู่ในตลาดแรงงานแล้ว โดยยกระดับทักษะแรงงานให้เพิ่มขึ้นและพัฒนาตามระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น ซึ่งนอกจากจะดำเนินการจัดฝึกอบรมพัฒนาทักษะแรงงานผ่านหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบโดยตรงแล้ว ภาครัฐควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการยกระดับทักษะแรงงานผ่านมาตรการต่าง ๆ ทั้งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการพัฒนาทักษะแรงงานของหน่วยงานนั้น ๆ
เอกสารอ้างอิง
- กลุ่มอาชีพแบ่งตามสามระดับทักษะ ได้แก่ (1) ทักษะสูง - ผู้จัดการ ผู้บัญญัติกฎหมาย ผู้ประกอบวิชาชีพ และช่างเทคนิค, (2) ทักษะปานกลาง - เสมียน พนักงานบริการ และผู้ปฏิบัติการเครื่องจักร โรงงาน และ (3) ทักษะต่ำ - ช่างฝีมือ แรงงานเกษตร และแรงงานไร้ฝีมือ↩
- ค่าจ้างของแรงงานที่กล่าวถึงนี้ นำมาจากกลุ่มแรงงานที่มีการรายงานค่าจ้าง โดยค่าจ้างของแรงงานทักษะต่ำไม่รวมกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจของตนเองและแรงงานภาคเกษตรที่ไม่ได้รายงานค่าจ้าง ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานทักษะต่ำอาจมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ↩