Facebook ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางความคิดมากขึ้นหรือไม่?
ในยุคของโซเชียลมีเดีย คนส่วนใหญ่หันมารับข่าวทางแฟลตฟอร์ม เช่น Facebook จากการสำรวจโดย Pew Research Center พบว่าในปี 2019 ร้อยละ 70 ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันรับข่าวสารผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
การเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดียได้ส่งผลให้พฤติกรรมการรับข่าวสารของคนเปลี่ยนไป จากที่เคยรับข่าวสารจากวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ คนก็หันมาอ่านข่าวจาก news feed มากขึ้น ที่ผ่านมา ก็มีสมมติฐานว่าอัลกอริทึมที่เลือกข่าวที่ปรากฎบน news feed นั้นมีแนวโน้มที่จะนำเสนอข่าวจากช่องข่าวที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันกับแนวคิดของผู้ใช้ และนำไปสู่คำถามที่ว่า “พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางการเมืองเป็นฝั่งอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยมมากขึ้นหรือไม่?”
งานวิจัย Levy (2021) ได้ทำการทดลองภาคสนามเพื่อประมาณผลของการอ่านข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย โดยได้สุ่มให้ผู้ร่วมทดลองบางคนกดปุ่ม like ช่องข่าวที่มีแนวคิดเอนไปฝั่งเดียวกับตน และบางคน like ช่องข่าวที่มีแนวคิดเอนไปฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลการใช้ Facebook ของผู้ร่วมทดลอง อาทิ การเป็นสมาชิกช่องข่าว การได้รับข่าว การคลิ๊กเข้าไปอ่านข่าวในเว็บไซต์ต่าง ๆ และหลังจากการทดลองสองสัปดาห์ ก็ได้มีการวัดการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นทางการเมือง และความรู้สึกที่คนมีต่อผู้ที่มีแนวคิดทางการเมืองต่างไปจากตน
ซึ่งการศึกษานี้มีข้อค้นพบหลัก 4 ข้อด้วยกัน ได้แก่
- การรับข่าวทางโซเชียลมีเดีย (news exposure) มีผลต่อการอ่านข่าวออนไลน์อย่างมีนัยสำคัญ โดยการที่ผู้เข้าร่วมโดนสุ่มให้สมัครรับข่าวจากช่องข่าวที่มีแนวคิดตรงข้างก้บตนทางเฟซบุคเพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้ผู้โดนสุ่มอ่านข่าวจากช่องทางฝั่งตรงข้ามเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 14 เทียบกับคนในกลุ่มที่ไม่ได้รับข่าวสารเพิ่ม
- อัลกอริทึมในเฟซบุคอาจทำให้การรับข่าวจากช่องทางฝั่งตรงข้ามลดลง โดยผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ได้รับการ nudge ให้รับข่าวจากช่องข่าวฝั่งตรงข้ามกลับได้รับข่าวจากอีกฝั่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมที่ได้รับการ nudge ให้รับข่าวจากช่องข่าวฝั่งเดียวกัน
- การรับข่าวจากช่องข่าวฝั่งตรงข้ามไม่ได้ทำให้ความเห็นด้านการเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
- อย่างไรก็ดี การรับข่าวจากช่องข่าวที่มีแนวคิดต่างจากตนเองส่งผลให้ความรู้สึกไม่ดีต่อคนที่มีความเห็นต่าง (affective polarization) ลดลง โดยผู้ศึกษาได้ถามถึงความรู้สึกต่อคนฝั่งตรงข้ามจากเสกล 0–100 และพบว่าความรู้สีกไม่ดีต่อคนฝั่งตรงข้ามลดลง 0.58–0.96 จุด ซึ่งที่ผ่านมาในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ความรู้สึกไม่ดีต่อคนที่มีแนวคิดฝั่งตรงข้ามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 3.83 เป็น 10.52 ในช่วงปี 1996–2016)