Tax Administration versus Tax Rates: Evidence from Corporate Taxation in Indonesia
![Tax Administration versus Tax Rates: Evidence from Corporate Taxation in Indonesia](/static/7918a1c562fb182320ea7388634bff27/fdb11/cover.png)
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้รับเกียรติจาก Prof. Ben Olken จาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) มาบรรยายในงาน PIER Economic Seminar ในหัวข้อ “Tax Administration versus Tax Rates: Evidence from Corporate Taxation in Indonesia” ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ใน American Economic Review ในเดือนธันวาคม ปี 2564
งานวิจัยนี้เปรียบเทียบการปฏิรูปนโยบายภาษีนิติบุคคล (corporate tax) 2 มาตรการในประเทศอินโดนีเซีย ว่ารูปแบบไหนจะสามารถเพิ่มรายได้จากภาษีได้ดีกว่า
เพื่อปฏิรูปการบริหารการจัดเก็บภาษีให้ดีขึ้นในปี 2007 รัฐบาลได้จัดตั้งสำนักงานในแต่ละภูมิภาคที่เรียกว่า medium taxpayers office โดยให้บริการและจัดเก็บภาษีบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ในภูมิภาคนั้น ๆ ซึ่งสำนักงานดังกล่าวจะมีสัดส่วนของพนักงานต่อจำนวนบริษัทสูงขึ้นมาก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่บริษัทเหล่านั้นซึ่งเป็นแหล่งภาษีสำคัญของรัฐ
ได้มีการปรับอัตราภาษีในปี 2008–2009 จากการจัดเก็บแบบอัตราภาษีก้าวหน้า (progressive rate) ที่มีอัตราภาษีอยู่ที่ 10, 20, หรือ 30% ตามระดับรายได้ที่ต้องเสียภาษี เปลี่ยนมาเป็นการจัดเก็บในอัตราเดียวกันทั้งหมด (flat rate) แต่อัตราภาษีจะปรับลดลงได้หากรายได้รวมของบริษัทอยู่ต่ำกว่าระดับหนึ่ง โดยอัตราภาษีสูงสุดอยู่ที่ 28% ในปี 2009 และ 25% ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
การศึกษาพบว่า การยกระดับการจัดเก็บภาษีผ่าน medium taxpayers office นั้น มีประสิทธิภาพและช่วยให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสามารถจัดเก็บภาษีจากบริษัทเหล่านั้นสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ขณะที่ต้นทุนในการจัดเก็บที่เพิ่มขึ้นถือว่าต่ำมาก ทั้งนี้ รายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้นเทียบเท่ากับการปรับเพิ่มอัตราภาษีในขั้นสูงสุด 8% กับทุกบริษัท (เช่น จาก 30% เป็น 38%) ดังนั้น การปฏิรูปการจัดเก็บภาษีจึงอาจเป็นมาตรการที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการเพิ่มรายได้ภาษีสำหรับประเทศกำลังพัฒนา