Research
Discussion Paper
PIERspectives
aBRIDGEd
PIER Blog
Events
Conferences
Research Workshops
Policy Forums
Seminars
Exchanges
Research Briefs
Community
PIER Research Network
Visiting Fellows
Funding and Grants
About Us
Our Organization
Announcements
PIER Board
Staff
Work with Us
Contact Us
TH
EN
Research
Research
Discussion Paper
PIERspectives
aBRIDGEd
PIER Blog
Not Over the Hill: Exploring the Digital Divide among Vulnerable Older Adults in Thailand
Discussion Paper ล่าสุด
Not Over the Hill: Exploring the Digital Divide among Vulnerable Older Adults in Thailand
ใครคือผู้กำหนดทิศทางค่าจ้างของแรงงานไทย: ภาครัฐ หรือภาคเอกชน?
aBRIDGEd ล่าสุด
ใครคือผู้กำหนดทิศทางค่าจ้างของแรงงานไทย: ภาครัฐ หรือภาคเอกชน?
Events
Events
Conferences
Research Workshops
Policy Forums
Seminars
Exchanges
Research Briefs
International Policy Forum on Climate Finance
งานประชุมเชิงนโยบายล่าสุด
International Policy Forum on Climate Finance
Joint NSD-PIER Applied Microeconomics Research Workshop
งานประชุมเชิงปฏิบัติการล่าสุด
Joint NSD-PIER Applied Microeconomics Research Workshop
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ
ป๋วย อึ๊งภากรณ์
Puey Ungphakorn Institute for Economic Research
Community
Community
PIER Research Network
Visiting Fellows
Funding and Grants
PIER Research Network
PIER Research Network
Funding & Grants
Funding & Grants
About Us
About Us
Our Organization
Announcements
PIER Board
Staff
Work with Us
Contact Us
Staff
Staff
Call for Papers: PIER Research Workshop 2025
ประกาศล่าสุด
Call for Papers: PIER Research Workshop 2025
Policy Forumsforums
QR code
Year
2025
2022
2021
2020
...
/static/7e8d5d9f626387b591a8d812ad695114/e9a79/cover.png
27 ตุลาคม 2563
20201603756800000
Industry Transformation Series

อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย

ห้องประชุมสมานสโมสร อาคาร 2 ชั้น 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย
บทสรุปผู้บริหาร
  • วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ แม้ภายหลัง รัฐบาลได้ผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาด แต่กิจการยังคงไม่กลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ จากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปและกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่ลดลง ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่จำเป็นต้องปรับตัว อาทิ ปิดกิจการชั่วคราวและลดจำนวนสาขา รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบบริการ เช่น ให้บริการนวดตามบ้าน ขยายประเภทการให้บริการ นอกจากนี้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในเรื่องความสะอาดและการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ธุรกิจต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคถึงความปลอดภัยในการใช้บริการ

  • เนื่องจากอุตสาหกรรม health & wellness เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ดังนั้น ภาครัฐควรเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการให้ทั่วถึงมากขึ้น อาทิ การกระจายความช่วยเหลือในการเข้าถึงสินเชื่อ พร้อมกับเร่งยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมในระยะยาว อาทิ

    1. การสร้างความตระหนักรู้และทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการใช้บริการสปาและนวดแผนไทยให้เป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ผลงานวิจัยไทยที่พิสูจน์ประโยชน์ของการใช้บริการเพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและยังไม่ได้ใช้บริการเป็นประจำ
    2. การสนับสนุนให้สปาและนวดแผนไทยได้รับความคุ้มครองภายใต้สิทธิสวัสดิการและระบบประกันสุขภาพ และสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ เช่น การรักษา office syndrome
    3. การยกระดับคุณภาพของบริการและบุคลากร เชิดชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น และยกระดับมาตรฐานทางสาธารณสุข
    4. การผ่อนคลายกฎระเบียบหรือลดขั้นตอนทางกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขอใบอนุญาตได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งการลดช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อลดจำนวนธุรกิจสีเทาแอบแฝง ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

ลักษณะสำคัญของอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย

  • อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยแบ่งลักษณะกิจการออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    1. กิจการประเภทสปา เน้นการให้บริการบำบัดดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม โดยมีการนวดเป็นหนึ่งในบริการหลัก และ
    2. กิจการประเภทนวดเพื่อสุขภาพ เน้นเรื่องการบำบัดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยวิธีการนวดเพียงอย่างเดียว
  • อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยมีความเกี่ยวข้องกับแรงงานไทยจำนวนมาก โดยคาดว่ามีการจ้างงานจากทั้งในและนอกระบบสูงถึงกว่า 6.5 แสนราย อีกทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่พึ่งพาอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ การให้บริการด้าน health & wellness ของไทยถือเป็นจุดแข็งที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในต่างประเทศ

  • ปัจจุบันกิจการประเภทสปาและการนวดเพื่อสุขภาพในไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข โดย สบส. มีหน้าที่หลักในการกำหนดมาตรฐานและควบคุมคุณภาพของสถานประกอบการ รวมทั้งพิจารณาออกใบอนุญาตแก่สถานประกอบการ ตลอดจนกำกับดูแลการขึ้นทะเบียนของบุคลากรผู้ให้บริการในสถานประกอบการ

ภาวะ ปัญหา อุปสรรค และการปรับตัวของอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยในช่วงวิกฤตโควิด-19

  • วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบทางลบต่อผู้ประกอบการทุกขนาดในอุตสาหกรรม โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เน้นให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการปิดเมือง ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสายป่านยาวพอ ยังสามารถประคับประคองธุรกิจอยู่ได้บ้าง เนื่องจากพึ่งพาลูกค้าในประเทศอยู่เป็นทุนเดิม

    • แม้ภายหลัง รัฐบาลได้ผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้กิจการสามารถกลับมาเปิดบริการได้มากขึ้น แต่ยังคงไม่กลับมาเป็นปกติ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่พึ่งพาตลาดต่างชาติเป็นหลักปรับตัวใน 2 รูปแบบหลัก ได้แก่
      1. การปิดให้บริการเป็นการชั่วคราว และ
      2. การลดจำนวนสาขาย่อยเพื่อควบคุมต้นทุน จากอุปสงค์ในประเทศที่ไม่เพียงพอและไม่คุ้มค่ากับต้นทุน
    • ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่พึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลักมีความพยายามปรับตัวในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ การจ้างงานเพียงเดือนละ 15 วันเพื่อลดต้นทุน การลดราคา การไม่คิดค่าบริการของสถานประกอบการโดยให้ลูกค้าจ่ายทิปแก่พนักงานเพียงอย่างเดียว หรือการให้บริการนวดตามบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วงวิกฤติโควิด-19
  • ในช่วงวิกฤติ พบการเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยมาก โดยแรงงานเกือบครึ่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการปิดตัวของสถานประกอบการได้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ทดแทน โดยเฉพาะแรงงานเพศชาย อาทิ พนักงานขนส่ง Grab พนักงานรักษาความปลอดภัย ขณะที่แรงงานบางส่วนได้ย้ายกลับไปภูมิลำเนาและทำการเกษตร อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าแรงงานกลุ่มนี้จะย้ายกลับเข้ามายังอุตสาหกรรมเดิมหรือไม่หลังผ่านพ้นวิกฤติ

  • ที่ผ่านมา แรงงานในสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้รับประโยชน์จากมาตรการชดเชยรายได้ 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งมาตรการเยียวยาดังกล่าวสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่สถานประกอบการต้องปิดกิจการชั่วคราวได้ในระดับหนึ่ง

  • ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือของภาครัฐและสถาบันการเงิน หากแต่ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ทั้งนี้ สำหรับประเด็นการให้สภาพคล่อง พบว่า ภายใต้ความไม่แน่นอนสูงในช่วงวิกฤตโควิด-19 สถาบันการเงินส่วนใหญ่มักเลือกให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่ารายย่อย เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า

ความท้าทายในระยะต่อไป

  • พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในด้านความสะอาดและการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะการยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในปัจจุบัน

  • ปัจจุบัน บุคลากรในอุตสาหกรรมยังขาดทักษะในการพัฒนาการให้บริการ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการอยู่มาก สถานประกอบการจึงอาจลงทุนพัฒนาบุคลากรให้เข้าอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันต่อไป พร้อมกันนี้ หน่วยงาน อาทิ วิทยาลัยต่าง ๆ สามารถพัฒนาหลักสูตรการอบรมด้านนวดแผนไทยและการบริหารจัดการสปาให้เหมาะสม โดยเน้นหลักสูตรการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน การให้บริการด้านความงามและการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อสร้างจุดแข็งและเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจได้ เช่น การนวดแก้อาการ การให้บริการอยู่ไฟกับผู้ใช้บริการทั่วไปนอกเหนือจากสตรีมีครรภ์ เป็นต้น

ข้อเสนอแนะจากการเสวนาสำหรับธุรกิจและภาครัฐ

เนื่องจากอุตสาหกรรม health & wellness เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ดังนั้น ภาครัฐควรมีแนวทางเพื่อประคับประคองอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยในระยะสั้น ควบคู่กับการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมในระยะยาว ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และอาศัยการบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ดังต่อไปนี้

ระยะสั้น

  • กระจายความช่วยเหลือเร่งด่วน อาทิ การเข้าถึงสินเชื่อ ให้ทั่วถึงมากขึ้นในทุกขนาดธุรกิจ

  • อาจพิจารณานโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในลักษณะ wellness-quarantine เพื่อประคับประคองอุตสาหกรรมให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ด้วยการดึงอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีกำลังซื้อสูงมาใช้บริการ

ระยะยาว

  • สร้างความตระหนักรู้และทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับประโยชน์ของสปาและการนวดให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ผลงานวิจัยไทยที่พิสูจน์ประโยชน์ของการใช้บริการเพื่อสุขภาพที่ดี เพื่อปรับมุมมองของผู้บริโภคภายในประเทศที่แต่เดิมมองว่า สปาและการนวดเป็นเพียงบริการประเภทฟุ่มเฟือยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการผ่อนคลายเพียงเท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว เป็นบริการที่มีคุณประโยชน์ต่อการบำบัดและส่งเสริมสุขภาพ

  • ควรส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมให้สามารถขยายขอบเขตการให้บริการในกิจกรรมเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ที่เป็นอัตลักษณ์เพื่อการรักษาสุขภาพได้ เช่น การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรหรือภูมิปัญญาไทยพื้นบ้าน เป็นต้น

  • ควรผลักดันการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health & wellness tourism) การท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (long stay) และการดูแลผู้สูงอายุ (elderly care) โดยเน้นชูจุดแข็งของไทยในด้านต่าง ๆ เช่นสมุนไพร อัตลักษณ์ความเป็นไทย ภูมิปัญญาชาวบ้าน และความเอาใจใส่ในการบริการ (service mind) ของคนไทย เพื่อเพิ่มอุปสงค์ในระยะยาวจากทั้งในและต่างประเทศ

  • ควรผลักดันให้การบำบัดและการนวดเพื่อสุขภาพได้รับความคุ้มครองภายใต้สิทธิสวัสดิการและระบบประกันสุขภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศได้อย่างยั่งยืน

  • ควรผ่อนคลายกฎระเบียบหรือลดขั้นตอนทางกฎหมายที่ไม่จำเป็นเพื่อเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น การเอื้อหรือเปิดช่องทางให้แรงงานที่มีความสามารถแต่ยังไม่มีใบอนุญาตสามารถขึ้นทะเบียนได้ง่ายขึ้น หรือการปลดล็อกกฎหมายควบคุมการทำหัตถการบางอย่างที่สงวนไว้แต่ในสถานพยาบาลเท่านั้นให้สามารถกระทำได้ในสถานประกอบการสปาและการนวดเพื่อสุขภาพ อาทิ การรักษา office syndrome

  • ควรเร่งลดช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อลดจำนวนธุรกิจสีเทาแอบแฝง ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

  • ควรส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการในการพัฒนางานวิจัยด้านการให้บริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างองค์ความรู้และต่อยอดทางธุรกิจในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย

ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในการประชุมนี้ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

273 ถนนสามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

โทรศัพท์: 0-2283-6066

Email: pier@bot.or.th

เงื่อนไขการให้บริการ | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2568 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

เอกสารเผยแพร่ทุกชิ้นสงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Unported license

Creative Commons Attribution NonCommercial ShareAlike

รับจดหมายข่าว PIER

Facebook
YouTube
Email