Effects of Climate Change on Crop Production in Thailand

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ได้จัดงาน Policy Forum: Discourses on Sustainability โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาบรรยายในหัวข้อ “Effects of Climate Change on Crop Production in Thailand"
งานวิจัยนี้ได้มุ่งศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อผลผลิตต่อไร่และพื้นที่เพาะปลูกของพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย 3 ชนิด ได้แก่ ข้าว (ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อยตามฤดูกาลเพาะปลูก ในเขตและนอกเขตชลประทาน) อ้อย และมันสำปะหลัง อีกทั้งได้พยากรณ์ผลผลิตต่อไร่ พื้นที่เพาะปลูก และผลผลิตทั้งหมด ภายใต้ฉากทัศน์ต่าง ๆ ในอนาคต (ค.ศ. 2046–2055) โดยงานศึกษาได้สร้างข้อมูลทางสภาพอากาศเป็นรายสถานีเชื่อมโยงกับข้อมูลทางการเกษตรอย่างละเอียดที่ครอบคลุมเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทยระหว่างปี ค.ศ. 1981–2016 (36 ปี) และใช้แบบจำลองทางเศรษฐมิติ spatial regression โดยใส่ตัวแปรทางเศรษฐศาสตร์อื่น ๆ เช่น ราคาผลผลิตและปัจจัยการผลิตเพิ่มเติมเข้าไปด้วย
ทั้งนี้ งานวิจัยได้ข้อสรุปสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลผลิตต่อไร่และพื้นที่เพาะปลูกในอดีตจนถึงปัจจุบัน ส่วนผลการพยากรณ์ไปข้างหน้า พบว่า
- ผลผลิตต่อไร่ของข้าวส่วนใหญ่จะลดลง โดยเฉพาะในภาคอีสาน ส่วนพื้นที่เพาะปลูกข้าวเป็นแบบผสม โดยจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ผลผลิตข้าวทั้งหมดในภาพรวมจะลดลงร้อยละ 10–13
- ผลผลิตต่อไร่ของอ้อยจะลดลงในทุกภูมิภาค ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกในภาพรวมจะลดลง โดยผลผลิตอ้อยทั้งหมดในภาพรวมจะลดลงร้อยละ 24–34
- ผลผลิตต่อไร่ของมันสำปะหลังจะลดลงในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันตก และใต้ ส่วนพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังจะลดลงในเกือบทุกภูมิภาค โดยผลผลิตมันสำปะหลังทั้งหมดในภาพรวมจะลดลงร้อยละ 14–21
ทั้งนี้ ผลผลิตที่ลดลงดังกล่าวจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรของโลกลดลงและทำให้ราคาสินค้าเกษตรเหล่านี้สูงขึ้น ซึ่งสร้างความกังวลในความมั่นคงด้านอาหารของโลก
ดังนั้น ผู้ดำเนินนโยบายควรสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เกษตรกรไทยเพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมกับการลงทุนในการสร้างระบบชลประทาน การเข้าถึงเทคโนโลยีทางการเกษตร และการให้ความรู้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงในภาคเกษตรไทย เช่น การทำประกันภัยพืชผล การปลูกพืชทนแล้ง ตลอดจนผู้ดำเนินนโยบายควรสนับสนุนการสร้างฐานข้อมูลกลางเพื่อพัฒนาภาคเกษตรไทยในองค์รวม