ESG/Green Investment and Green Bond
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้รับเกียรติจาก Professor Naoyuki Yoshino จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Keio มาบรรยายในงาน Policy Forum: Discourses on Sustainability ในหัวข้อ “ESG/Green Investment and Green Bond”
Dr. Yoshino ได้กล่าวถึงความสำคัญของการการลงทุนที่ให้ความความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินการ Sustainable Development Goals (SDGs) ของ UN ซึ่งเป็นแผนการที่มีความมุ่งหวังในการยุติปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน เช่น การยุติความยากจน การยุติความหิวโหย และการรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
Dr. Yoshino ได้กล่าวว่า ในอดีต นักลงทุนจะพิจารณาจัดสรรการลงทุนจากสองปัจจัยได้แก่ ผลตอบแทนละความเสี่ยง แต่ปัจจุบันได้มีการเพิ่มปัจจัยด้าน ESG เข้ามา จึงทำให้การจัดสรรการลงทุนนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น และอาจทำให้การจัดสรรการลงทุนถูกบิดเบือนไปจากการลงทุนที่เหมาะสมอย่างแท้จริง เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ อาจได้ผลการประเมินคะแนนด้าน ESG ที่แตกต่างกันตามหลักเกณฑ์ของบริษัทประเมินต่าง ๆ กล่าวคือ นักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากจะจัดสรรเงินลงทุนให้กับบริษัทที่มีคะแนน ESG สูง มากกว่าบริษัทที่มีคะแนน ESG ต่ำ แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ไม่แตกต่างกัน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว คุณ Yoshino เสนอให้มีมาตรฐานในการจัดอันดับ ESG Rating และการจัดเก็บภาษีมลพิษในอัตราที่เท่ากันทุกประเทศ (identical international tax rate) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนสามารถพิจารณาจัดสรรการลงทุนโดยไม่ต้องคำนึงถึงคะแนน ESG ซึ่งจะนำไปสู่การจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมพร้อมกับการบรรลุเป้าหมายความอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ Dr. Yoshino ได้กล่าวถึงการลงทุนในภาคพลังงาน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งพึ่งพาแหล่งพลังงานที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่ เช่น น้ำมันและถ่านหิน และได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับใหญ่ ได้แก่ แหล่งเงินทุนที่มีจำกัดเนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในเวลา 10–20 ปีซึ่งมากกว่าการลงทุนทั่วไป นอกจากนี้ ยังพบปัญหาความขัดแย้งของผลประโยชน์ระหว่างผู้ใช้งาน และผู้ลงทุน โดยผู้ใช้งานนั้นคาดหวังว่าจะได้ใช้บริการในราคาที่ไม่สูงมากนัก ในขณะที่นักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่า จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราความล้มเหลวของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership) ในภูมิภาคอยู่ในระดับที่สูง โดยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คุณ Yoshino ได้เสนอให้มีการใช้พันธบัตรโครงสร้างพื้นฐานที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งในระยะยาวนั้นโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลตอบแทนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการใช้งาน จึงทำรัฐสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้นเพื่อชดเชยกับผลตอบแทนของพันธบัตรที่ลดลงได้
สุดท้ายนี้ Dr. Yoshino กล่าวถึงการจัดตั้ง Hometown Investment Trust Fund ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เช่น การบริหารที่ดินในการติดตั้งแหล่งพลังงานทดแทน (เช่น กังหันลม หรือโซลาร์เซลล์) ซึ่งนอกจากจะผลิตไฟฟ้าใช้ในท้องถิ่นได้แล้วยังสามารถนำส่วนที่เหลือจากการใช้งานไปขายและให้ผลตอบแทนแก่เจ้าของทรัพย์สินได้อีกด้วย