เสวนา "ตำแหน่งของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลกหลัง Covid-19"
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดงาน PIER Policy Forum: Public Economics ออนไลน์โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ลัษมณ อรรถาพิช จาก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ รศ.ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ จาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มาบรรยายในหัวข้อ “ตำแหน่งของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลกหลัง Covid-19”
ดร.สมประวิณได้เสนอผลการวิจัยว่า เศรษฐกิจของไทยเปราะบางต่อปัจจัยภายนอกมากยิ่งขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์ของการบริโภคและการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน โดยการระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และส่งผลกระทบระยะสั้นต่อทุกภาคอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่ถูกบังคับปิดตัวในช่วงล็อกดาวน์ เช่น อาหารและการค้าปลีกค้าส่ง จะใช้เวลาในการฟื้นตัวน้อยที่สุด ในขณะที่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น อุตสาหกรรมการขนส่ง จะใช้เวลาฟื้นตัวมากที่สุด ส่วนผลกระทบในระยะยาวนั้นจะส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานสั้นลง ภาคอุตสาหกรรมเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยง และการมีส่วนร่วมระหว่างประเทศในภูมิภาคเดียวกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าตำแหน่งของไทยในห่วงโซ่อุปทานหลังโควิด-19 จะยังคงเดิมแต่จะมีส่วนร่วมในห่วงโซ่การผลิตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคบริการและการเงิน
ดร.ลัษมณ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก และได้ยกตัวอย่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาที่สนใจให้ไทยและภูมิภาค ASEAN เป็นส่วนหลักของห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ภาครัฐควรส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมที่ไทยมีความเชี่ยวชาญได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร ระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ พร้อมกับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเช่น 5G ประกอบกับการพัฒนาความสามารถของบุคลากรที่จะเป็นแรงงานที่สำคัญอีกด้วย