ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
ความร่วมมือระหว่างบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ (PIER) มีจุดเริ่มต้นจากการที่ NCB ได้พัฒนาฐานข้อมูลดิบเชิงสถิติ หรือ micro data ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดสูง ครอบคลุมระยะเวลาการจัดเก็บที่ยาวนานกว่าสิบปี และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลข้อมูลตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต
ในขณะเดียวกัน PIER มีเป้าหมายในการสร้างงานวิจัยเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนไทย การทำงานร่วมกันระหว่างสององค์กรที่มีความสอดประสานกัน (synergies) จึงนำไปสู่การศึกษาเชิงประจักษ์ที่สามารถตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในแวดวงวิชาการ ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้การวิจัยสามารถทะลุขอบเขตเดิม ไปสู่การพัฒนานโยบายเชิงแก้ไขปัญหา (policy research) ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
ความร่วมมือนี้ยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางการตัดสินใจของหน่วยงานที่รับผิดชอบ จากเดิมที่อาศัยประสบการณ์เป็นหลัก มาสู่แนวทางที่อิงข้อมูลมากขึ้น โดยการนำ micro data มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต แทนที่จะอ้างอิงเพียงข้อมูลมหภาคในอดีต
นี่คือผลงานที่ภาคภูมิใจของทั้งสองสถาบัน ที่ได้ร่วมกันสร้างแนวทางและทางเลือกสำหรับหน่วยงานที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบาย เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมเศรษฐกิจไทย
การทำงานในระดับองค์กรต่ออค์กร ถือว่าเป็นความร่วมมือที่มีความชัดเจน ระบบและระเบียบรองรับ แต่ก็ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะมุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ ผลสำเร็จที่ชัดเจนและตอบโจทย์มากกว่าพิธีการ ทำให้การแบ่งงานระหว่าง NCB ที่มีเหมืองข้อมูล กับ PIER ที่มีนักขุดเหมืองเป็นไปอย่างราบรื่น การดำเนินงานทำบนพื้นฐานแนวทางแบบไทย ๆ แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพื่อสร้างผลงานระดับโลก ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในการร่วมมือกัน
ในส่วนของการทำงานระดับบุคคลต่อบุคคล มีความเป็นพี่น้อง เกื้อกูลกันสูง เคารพกันที่เนื้องาน ไม่ใช่ตำแหน่งแห่งที่ ที่สำคัญที่สุดคือมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน และที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ความบริสุทธิ์เชิงวิชาการ เคารพในสิ่งที่ข้อมูลแสดงผลออกมา ลดอคติและความเชื่อจากประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งเหล่านี้คือลักษณะนักขุดเหมืองจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
ในแง่ของปรัชญาและเป้าหมายสถาบัน อยากให้องค์กรมุ่งมั่นสร้างงานวิจัย สร้างคนทำวิจัย ที่ตอบโจทย์ของสังคมเพื่อนำไปสู่คำตอบของคำถามที่ว่า ประเทศไทยและเศรษฐกิจสังคมของเรานั้นจะเป็นไปสู่สิ่งที่ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้เขียนไว้ในเรื่อง “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ได้อย่างไร
ในแง่ของงานวิจัย อยากเห็นผลงานที่ "กินได้" และนำไปสู่การกระตุ้นให้คิด สามารถชักจูงให้ผู้กำหนดนโยบายหันมาสนใจ และนำไปใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมได้จริงแบบแนวคิด from farm to table มี supply chain ของความคิด จินตนาการที่สร้างความฝันและความจริงให้กับผู้คนในสังคม
ในแง่ของนักวิจัย อยากเห็น "ความบริสุทธิ์เชิงวิชาการที่ปราศจากการแทรกแซงทางความคิด" ไม่ว่าจะมาจากตำแหน่งหน้าที่หรือองค์กรที่สังกัด หน้าที่สำคัญของนักวิจัย คือการเป็นตะเกียงทางปัญญาที่ช่วยส่อสว่างท่ามกลางความมืดบอดในวังวนอำนาจของผู้มีส่วนตัดสินใจ ซึ่งการจะเป็นอย่างนั้นได้นั้นจำต้องยึดหลัก “ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ ติดดิน”
- ยืนตรง: ต้องยืนตรงต่อความต้องการของคนตัวเล็ก ฐานของสังคม
- มองไกล: แต่ไม่ลืมความทุกข์และปัญหาตรงหน้าพร้อมกันไปด้วย ไม่มีกินวันนี้ ก็ไม่มีชีวิตในวันหน้า
- ยื่นมือ: นักวิจัยต้องยื่นมือที่มีไฟฉาย เพื่อส่องทางให้ความจริง ความดี ความงามตามแบบอุดมการณ์ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้กล่าวไว้ ทั้งนี้ นักวิจัยจะยื่นมือได้ ต้องไม่คิดว่าตนเอง"ให้" เพราะคำว่ามือที่ให้จะสูงกว่ามือที่รับเสมอ ต้องคิดว่าเป็นการ "ส่งมอบ" งานวิจัยให้สังคมจึงจะนำพาความอยู่ดีมีสุขให้เกิดกับสังคมเศรษฐกิจได้
- ติดดิน: นักวิจัยต้องทำงานให้คนอ่าน ภาษาต้องเขียนเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ใช่ภาษาเชิงเศรษศาสตร์ที่ซับซ้อน เป็นการถ่ายทอดแบบมองภาพในระดับถนน ฟุตบาท ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่สังคมเป็นอยู่ เพราะงานวิจัยทางเศรษศาตร์ที่ติดดินและกินได้คือหัวใจ
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
273 ถนนสามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์: 0-2283-6066
Email: pier@bot.or.th
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2568 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
เอกสารเผยแพร่ทุกชิ้นสงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Unported license
รับจดหมายข่าว PIER